พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระสมเด็จวัดระฆ...
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยเนื้อนี้เป็นพระสมเด็จยุคต้น เนื้อพระสมเด็จแกร่งดังหินอ่อนยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
ถ้าท่านชอบพระสมเด็จแท้ๆไม่สนใจเรื่องพิมพ์ทรงต้องสวยๆที่มีมูลค่าหลักหลายล้านบาทแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยแบบมีไว้พิจารณาบูชาติดตัวหวังพลังพุทธคุณมากว่าแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้น่าสนใจมาก และลองอ่านข้อมูลข้างล่างเกี่ยวกับหอยเบี้ยดีอย่างไร
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคต้นเนื้อหินอ่อน พระสมเด็จยุคนี้เนื้อพระส่วนใหญ่จะเป็นแบบหินอ่อนมีความแกร่งแต่หนึกนุ่ม ขอบมนสัมผัสมันนุ่มมือ คราบสีน้ำตาลหรือคราบสนิมกระป๋อง(แร่ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล)ที่ไม่ใช่คราบตังอิ๊วเนื่องจากพระสมเด็จยุคต้นยังไม่ได้นำตังอิ๊วมาเป็นตัวประสานเนื้อพระ ความเก่าเป็นธรรมชาติของพระสมเด็จยุคต้นทำให้เนื้อพระดูแบบเนื้อหินอ่อนและยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ ส่วนใหญ่พระสมเด็จยุคปลายจะมีการทำปลอมแปลงกันมากโดยการกำหนดพิมพ์และตำหนิที่พุทธพาณิชย์เขากำหนดไว้ และเป็นพระพิมพ์ที่ได้ราคามากในการเช่าซื้อ แต่พระสมเด็จวัดระฆังยุคนี้พิมพ์ทรงจะไม่ค่อยเหมือนกันและไม่สวยงามนัก พิมพ์ทรงหลวงสิทธิ์ฯ พิมพ์ทรงช่างสิบหมู่ ช่างชาวบ้าน พระสมเด็จยุคต้นเป็นพระแท้ดูง่ายกว่าพระสมเด็จยุคปลายที่ส่วนใหญ่ไปเน้นพิมพ์ทรงตามเซียนและเกิดมีการปลอมแปลงทำพระสมเด็จตามตำหนิที่เซียนว่าไว้ ก็ยังมีข่าวว่าบิ๊กเซียนสร้างพระสมเด็จเกศไชโยขึ้นจำหน่ายให้เสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ พระสมเด็จจะสวยไม่สวยอยู่ที่ศรัทธาความชอบว่าท่านต้องการพระแบบไหน พระแท้ดูง่ายธรรมชาติความเก่า ย่นยุบแยก พระสวยกระด้างขาดธรรมชาติความเก่าดูไม่ซึ้งตาฯ
พระสมเด็จวัดระฆังที่ดูคล้ายเนื้อหินอ่อนมีมวลสารหลักคือหอยเบี้ย ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ได้มีการนำหอยเบี้ยมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้า กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงเห็นว่า หอยเบี้ยเป็นสัตว์ วิธีการได้มานั้นเป็นการทำบาป จึงรับสั่งให้พระยาคลังสั่งทำแบบเหรียญโลหะตัวอย่างจากประเทศอังกฤษเพื่อนำมาใช้แทนหอยเบี้ย เรียกว่า “เหรียญเมืองไท” มี 2 แบบ คือ หน้าเหรียญเป็นรูปดอกบัวและรูปช้าง แต่ทรงไม่โปรดจึงไม่ได้สั่งผลิตออกมาใช้ และทรงรับสั่งให้ผลิตขึ้นใหม่ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน
จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการทำสนธิสัญญาการค้ากับต่างประเทศและมีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก เงินพดด้วงมีจำนวนไม่เพียงพอ รวมทั้งมีการปลอมขึ้นมามาก หอยเบี้ยจึงกลายเป็นเงินปลีกย่อยที่มีราคาน้อยสุดหรือแทบไม่มีราคาเลย ประกอบกับในขณะนั้นได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญโลหะมาจากประเทศอังกฤษและเริ่มมีการผลิตเหรียญ การใช้หอยเบี้ยจึงค่อยๆ ลดลงไปจากสังคม และหายไปจากระบบเงินตรานับแต่นั้นเป็นต้นมา
เปลือกหอยแต่ละชนิดมีคุณวิเศษทางด้านยา ในตำราแพทย์แผนไทยมีการนำเปลือกหอยมาใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยา โดยกล่าวถึง "พิกัดเนาวหอย" คือ การจำกัดจำนวนหอย ๙ อย่าง ได้แก่ หอยขม หอยนางรม หอยจุ๊บแจง หอยสังข์ หอยแครง หอยกาบ หอยมุก หอยตาวัว หอยพิมพการัง ซึ่งมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว บำรุงกระดูก แก้โรคกระษัย ไตพิการ กัดเมือกมันในลำไส้ ส่วนการนำมาใช้ปรุงยา มีทั้งขนานยาที่ใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่าง หรือใช้เพียงบางอย่าง เช่น ตำรับยาชื่อว่า "เนาวหอย" จะใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่างเป็นส่วนผสม บางอย่างใช้เปลือกหอยสังข์หนามเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนผสม เช่น ยาสังขสมุทัย นอกจากนี้ในตำรับยาหลายขนานยังใช้เปลือกหอยเบี้ย ได้แก่ เบี้ยผู้ เบี้ยจั่น เบี้ยแก้ มาใช้ในการปรุงยาด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับหอยเบี้ยมากมาย โดยเฉพาะความเชื่อของคนโบราณ ซึ่งมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับหอยเบี้ยที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปอย่างมากมาย
ในบรรดาวัตถุมงคลต่างๆ มีเครื่องรางของขลังอยู่ชนิดหนึ่งที่สร้างมาเพื่อแก้คุณไสย์โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเบี้ยแก้ ก็ทำความรู้จักไว้เสียก่อน เบี้ยแก้ทำมาจากหอยเบี้ยโดยหอยเบี้ยถือเป็นเงินตราในสมัยโบราณ ซึ่งก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหอยเบี้ยในโบราณทั้ง 8 ชนิดกันก่อน 1. เบี้ยโพล้ง 2. เบี้ยแก้ 3. เบี้ยจั่น 4. เบี้ยนาง 5. เบี้ยหมู 6. เบี้ยพองลม 7. เบี้ยบัว 8. เบี้ยตุ้ม
เปลือกหอยของหอยเบี้ยชนิดนี้ มีความสำคัญต่อมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนเงินตราในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าคำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทยก็เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "รูปี" ซึ่งเป็นหน่วยเงินตราของอินเดียมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังใช้เป็นเครื่องรางของขลังในวัฒนธรรมไทย โดยมักนำไปบรรจุปรอทแล้วปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า ถ้าพกเปลือกหอยเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางสัญจรในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกันและแก้ไขอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ และสุดท้ายความเชื่อที่ว่าคนโบราณนิยมผูกตัวเบี้ยไว้ที่ข้อมือเด็ก ด้วยเชื่อว่าเบี้ยจะสามารถป้องกันภูตผีปีศาจได้นั่นเอง หรือนำไปตกแต่งพลอยเรียกว่า "ภควจั่น" ในเด็ก ๆ เชื่อว่าช่วยป้องกันฟันผุ หรือพกใส่กระเป๋าสตางค์ เชื่อว่าทำให้เงินทองไหลเทมาและโชคดี “ภควจั่น” นี้แยกออกเป็นสองคำคือ ภคว เป็นคำย่อของ ภควดี อันเป็นสมญานามของ พระลักษมี และจั่น เป็นคำสามัญหมายถึง เบี้ยจั่น อันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมี ซึ่งเป็นเครื่องรางในสมัยอยุธยาที่นำเอาเบี้ยจั่นมาหุ้มด้วยทองแล้วประดับพลอย
หอยเบี้ยจักจั่น หรือ หอยเบี้ยจั่น (อังกฤษ: Money cowry) เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria moneta เป็นภาษาลาตินแปลว่า "เงินตรา" ปัจจุบัน เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังนิยมสะสมกันเป็นของประดับและของสะสมกันอีกด้วย โดยมีชนิดที่แปลกแตกต่างไปจากปกติ คือ "ไนเจอร์" (Niger) ที่หอยจะสร้างเมลานินสีดำเคลือบเปลือกไว้จนกลายเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลคล้ำทั้งหมด และชนิดที่มีราคาสูงที่สุด เรียกว่า "โรสเตรท" (Rostrat) หรือ หอยเบี้ยจักจั่นงวง คือ เป็นหอยเบี้ยจักจั่นในตัวที่ส่วนท้ายของเปลือกมิได้กลมมนเหมือนเช่นปกติ แต่สร้างแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาหลายปี จนกระทั่งยาวยืดออกมาและม้วนขึ้นเป็นวงอย่างสวยงามเหมือนงวงช้าง ซึ่งหอยในรูปแบบนี้จะพบได้เฉพาะแถบอ่าวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะนิวแคลิโดเนียที่เดียวในโลกเท่านั้น มีการประเมินราคาของเปลือกหอยลักษณะนี้ไว้ถึง 25 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาของเปลือกหอยที่มีค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ด้วยเหตุที่หอยเบี้ยถูกเลิกใช้แทนเงินตราแล้ว ด้วยคุณสมบัติทางยาความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลัง มีเบี้ยติดตัวมีกินมีใช้ไม่อด เงินไหลมา เพื่อไม่ให้เบี้ยทั้งหมดถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า หลวงปู่โตจึงน้ำหอยเบี้ยมาบดผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ขึ้นมา เมื่อนำพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้มากระทบกันเสียงจะดังใสกว่าเนื้อพระสมเด็จเนื้ออื่น ผิวมันวาวแบบเดียวกับหอยเบี้ย
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหอยเบี้ยยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
#พระแท้มีพลัง
ผู้เข้าชม
11047 ครั้ง
ราคา
55,000 บาท
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
พระแท้มีพลัง
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
mamabuddho
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 189-4-08737-6
2. ธนาคารกรุงไทย / 690-0-73228-3

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
AchiชาวานิชtumlawyerMuthitaพีพีพระสมเด็จเทพจิระ
พีพีพระเครื่องโกหมูอ้วนโนนสูงภูมิ IRNongBossยุ้ย พลานุภาพ
หริด์ เก้าแสนpoosit555ว.ศิลป์สยามเจริญสุขtintinsailom.si
Leksoi8เนินพระ99jazzsiam amuletPuthon161930จิ๊บพุทธะมงคลaonsamui
เสน่ห์พระเครื่องsomemanLungchadkumphaแมวดำ99sun99

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1330 คน

เพิ่มข้อมูล

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น
รายละเอียด
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยเนื้อนี้เป็นพระสมเด็จยุคต้น เนื้อพระสมเด็จแกร่งดังหินอ่อนยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
ถ้าท่านชอบพระสมเด็จแท้ๆไม่สนใจเรื่องพิมพ์ทรงต้องสวยๆที่มีมูลค่าหลักหลายล้านบาทแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยแบบมีไว้พิจารณาบูชาติดตัวหวังพลังพุทธคุณมากว่าแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้น่าสนใจมาก และลองอ่านข้อมูลข้างล่างเกี่ยวกับหอยเบี้ยดีอย่างไร
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคต้นเนื้อหินอ่อน พระสมเด็จยุคนี้เนื้อพระส่วนใหญ่จะเป็นแบบหินอ่อนมีความแกร่งแต่หนึกนุ่ม ขอบมนสัมผัสมันนุ่มมือ คราบสีน้ำตาลหรือคราบสนิมกระป๋อง(แร่ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล)ที่ไม่ใช่คราบตังอิ๊วเนื่องจากพระสมเด็จยุคต้นยังไม่ได้นำตังอิ๊วมาเป็นตัวประสานเนื้อพระ ความเก่าเป็นธรรมชาติของพระสมเด็จยุคต้นทำให้เนื้อพระดูแบบเนื้อหินอ่อนและยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ ส่วนใหญ่พระสมเด็จยุคปลายจะมีการทำปลอมแปลงกันมากโดยการกำหนดพิมพ์และตำหนิที่พุทธพาณิชย์เขากำหนดไว้ และเป็นพระพิมพ์ที่ได้ราคามากในการเช่าซื้อ แต่พระสมเด็จวัดระฆังยุคนี้พิมพ์ทรงจะไม่ค่อยเหมือนกันและไม่สวยงามนัก พิมพ์ทรงหลวงสิทธิ์ฯ พิมพ์ทรงช่างสิบหมู่ ช่างชาวบ้าน พระสมเด็จยุคต้นเป็นพระแท้ดูง่ายกว่าพระสมเด็จยุคปลายที่ส่วนใหญ่ไปเน้นพิมพ์ทรงตามเซียนและเกิดมีการปลอมแปลงทำพระสมเด็จตามตำหนิที่เซียนว่าไว้ ก็ยังมีข่าวว่าบิ๊กเซียนสร้างพระสมเด็จเกศไชโยขึ้นจำหน่ายให้เสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ พระสมเด็จจะสวยไม่สวยอยู่ที่ศรัทธาความชอบว่าท่านต้องการพระแบบไหน พระแท้ดูง่ายธรรมชาติความเก่า ย่นยุบแยก พระสวยกระด้างขาดธรรมชาติความเก่าดูไม่ซึ้งตาฯ
พระสมเด็จวัดระฆังที่ดูคล้ายเนื้อหินอ่อนมีมวลสารหลักคือหอยเบี้ย ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ได้มีการนำหอยเบี้ยมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้า กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงเห็นว่า หอยเบี้ยเป็นสัตว์ วิธีการได้มานั้นเป็นการทำบาป จึงรับสั่งให้พระยาคลังสั่งทำแบบเหรียญโลหะตัวอย่างจากประเทศอังกฤษเพื่อนำมาใช้แทนหอยเบี้ย เรียกว่า “เหรียญเมืองไท” มี 2 แบบ คือ หน้าเหรียญเป็นรูปดอกบัวและรูปช้าง แต่ทรงไม่โปรดจึงไม่ได้สั่งผลิตออกมาใช้ และทรงรับสั่งให้ผลิตขึ้นใหม่ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน
จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการทำสนธิสัญญาการค้ากับต่างประเทศและมีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก เงินพดด้วงมีจำนวนไม่เพียงพอ รวมทั้งมีการปลอมขึ้นมามาก หอยเบี้ยจึงกลายเป็นเงินปลีกย่อยที่มีราคาน้อยสุดหรือแทบไม่มีราคาเลย ประกอบกับในขณะนั้นได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญโลหะมาจากประเทศอังกฤษและเริ่มมีการผลิตเหรียญ การใช้หอยเบี้ยจึงค่อยๆ ลดลงไปจากสังคม และหายไปจากระบบเงินตรานับแต่นั้นเป็นต้นมา
เปลือกหอยแต่ละชนิดมีคุณวิเศษทางด้านยา ในตำราแพทย์แผนไทยมีการนำเปลือกหอยมาใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยา โดยกล่าวถึง "พิกัดเนาวหอย" คือ การจำกัดจำนวนหอย ๙ อย่าง ได้แก่ หอยขม หอยนางรม หอยจุ๊บแจง หอยสังข์ หอยแครง หอยกาบ หอยมุก หอยตาวัว หอยพิมพการัง ซึ่งมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว บำรุงกระดูก แก้โรคกระษัย ไตพิการ กัดเมือกมันในลำไส้ ส่วนการนำมาใช้ปรุงยา มีทั้งขนานยาที่ใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่าง หรือใช้เพียงบางอย่าง เช่น ตำรับยาชื่อว่า "เนาวหอย" จะใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่างเป็นส่วนผสม บางอย่างใช้เปลือกหอยสังข์หนามเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนผสม เช่น ยาสังขสมุทัย นอกจากนี้ในตำรับยาหลายขนานยังใช้เปลือกหอยเบี้ย ได้แก่ เบี้ยผู้ เบี้ยจั่น เบี้ยแก้ มาใช้ในการปรุงยาด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับหอยเบี้ยมากมาย โดยเฉพาะความเชื่อของคนโบราณ ซึ่งมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับหอยเบี้ยที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปอย่างมากมาย
ในบรรดาวัตถุมงคลต่างๆ มีเครื่องรางของขลังอยู่ชนิดหนึ่งที่สร้างมาเพื่อแก้คุณไสย์โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเบี้ยแก้ ก็ทำความรู้จักไว้เสียก่อน เบี้ยแก้ทำมาจากหอยเบี้ยโดยหอยเบี้ยถือเป็นเงินตราในสมัยโบราณ ซึ่งก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหอยเบี้ยในโบราณทั้ง 8 ชนิดกันก่อน 1. เบี้ยโพล้ง 2. เบี้ยแก้ 3. เบี้ยจั่น 4. เบี้ยนาง 5. เบี้ยหมู 6. เบี้ยพองลม 7. เบี้ยบัว 8. เบี้ยตุ้ม
เปลือกหอยของหอยเบี้ยชนิดนี้ มีความสำคัญต่อมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนเงินตราในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าคำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทยก็เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "รูปี" ซึ่งเป็นหน่วยเงินตราของอินเดียมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังใช้เป็นเครื่องรางของขลังในวัฒนธรรมไทย โดยมักนำไปบรรจุปรอทแล้วปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า ถ้าพกเปลือกหอยเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางสัญจรในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกันและแก้ไขอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ และสุดท้ายความเชื่อที่ว่าคนโบราณนิยมผูกตัวเบี้ยไว้ที่ข้อมือเด็ก ด้วยเชื่อว่าเบี้ยจะสามารถป้องกันภูตผีปีศาจได้นั่นเอง หรือนำไปตกแต่งพลอยเรียกว่า "ภควจั่น" ในเด็ก ๆ เชื่อว่าช่วยป้องกันฟันผุ หรือพกใส่กระเป๋าสตางค์ เชื่อว่าทำให้เงินทองไหลเทมาและโชคดี “ภควจั่น” นี้แยกออกเป็นสองคำคือ ภคว เป็นคำย่อของ ภควดี อันเป็นสมญานามของ พระลักษมี และจั่น เป็นคำสามัญหมายถึง เบี้ยจั่น อันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมี ซึ่งเป็นเครื่องรางในสมัยอยุธยาที่นำเอาเบี้ยจั่นมาหุ้มด้วยทองแล้วประดับพลอย
หอยเบี้ยจักจั่น หรือ หอยเบี้ยจั่น (อังกฤษ: Money cowry) เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria moneta เป็นภาษาลาตินแปลว่า "เงินตรา" ปัจจุบัน เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังนิยมสะสมกันเป็นของประดับและของสะสมกันอีกด้วย โดยมีชนิดที่แปลกแตกต่างไปจากปกติ คือ "ไนเจอร์" (Niger) ที่หอยจะสร้างเมลานินสีดำเคลือบเปลือกไว้จนกลายเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลคล้ำทั้งหมด และชนิดที่มีราคาสูงที่สุด เรียกว่า "โรสเตรท" (Rostrat) หรือ หอยเบี้ยจักจั่นงวง คือ เป็นหอยเบี้ยจักจั่นในตัวที่ส่วนท้ายของเปลือกมิได้กลมมนเหมือนเช่นปกติ แต่สร้างแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาหลายปี จนกระทั่งยาวยืดออกมาและม้วนขึ้นเป็นวงอย่างสวยงามเหมือนงวงช้าง ซึ่งหอยในรูปแบบนี้จะพบได้เฉพาะแถบอ่าวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะนิวแคลิโดเนียที่เดียวในโลกเท่านั้น มีการประเมินราคาของเปลือกหอยลักษณะนี้ไว้ถึง 25 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาของเปลือกหอยที่มีค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ด้วยเหตุที่หอยเบี้ยถูกเลิกใช้แทนเงินตราแล้ว ด้วยคุณสมบัติทางยาความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลัง มีเบี้ยติดตัวมีกินมีใช้ไม่อด เงินไหลมา เพื่อไม่ให้เบี้ยทั้งหมดถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า หลวงปู่โตจึงน้ำหอยเบี้ยมาบดผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ขึ้นมา เมื่อนำพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้มากระทบกันเสียงจะดังใสกว่าเนื้อพระสมเด็จเนื้ออื่น ผิวมันวาวแบบเดียวกับหอยเบี้ย
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหอยเบี้ยยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
#พระแท้มีพลัง
ราคาปัจจุบัน
55,000 บาท
จำนวนผู้เข้าชม
11048 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
ชื่อร้าน
พระแท้มีพลัง
URL
เบอร์โทรศัพท์
0923395410
ID LINE
mamabuddho
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกรุงเทพ / 189-4-08737-6
4. ธนาคารกรุงไทย / 690-0-73228-3




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี