พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
พระสมเด็จวัดระฆ...
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยเนื้อนี้เป็นพระสมเด็จยุคต้น เนื้อพระสมเด็จแกร่งดังหินอ่อนยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
ถ้าท่านชอบพระสมเด็จแท้ๆไม่สนใจเรื่องพิมพ์ทรงต้องสวยๆที่มีมูลค่าหลักหลายล้านบาทแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยแบบมีไว้พิจารณาบูชาติดตัวหวังพลังพุทธคุณมากว่าแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้น่าสนใจมาก และลองอ่านข้อมูลข้างล่างเกี่ยวกับหอยเบี้ยดีอย่างไร
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคต้นเนื้อหินอ่อน พระสมเด็จยุคนี้เนื้อพระส่วนใหญ่จะเป็นแบบหินอ่อนมีความแกร่งแต่หนึกนุ่ม ขอบมนสัมผัสมันนุ่มมือ คราบสีน้ำตาลหรือคราบสนิมกระป๋อง(แร่ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล)ที่ไม่ใช่คราบตังอิ๊วเนื่องจากพระสมเด็จยุคต้นยังไม่ได้นำตังอิ๊วมาเป็นตัวประสานเนื้อพระ ความเก่าเป็นธรรมชาติของพระสมเด็จยุคต้นทำให้เนื้อพระดูแบบเนื้อหินอ่อนและยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ ส่วนใหญ่พระสมเด็จยุคปลายจะมีการทำปลอมแปลงกันมากโดยการกำหนดพิมพ์และตำหนิที่พุทธพาณิชย์เขากำหนดไว้ และเป็นพระพิมพ์ที่ได้ราคามากในการเช่าซื้อ แต่พระสมเด็จวัดระฆังยุคนี้พิมพ์ทรงจะไม่ค่อยเหมือนกันและไม่สวยงามนัก พิมพ์ทรงหลวงสิทธิ์ฯ พิมพ์ทรงช่างสิบหมู่ ช่างชาวบ้าน พระสมเด็จยุคต้นเป็นพระแท้ดูง่ายกว่าพระสมเด็จยุคปลายที่ส่วนใหญ่ไปเน้นพิมพ์ทรงตามเซียนและเกิดมีการปลอมแปลงทำพระสมเด็จตามตำหนิที่เซียนว่าไว้ ก็ยังมีข่าวว่าบิ๊กเซียนสร้างพระสมเด็จเกศไชโยขึ้นจำหน่ายให้เสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ พระสมเด็จจะสวยไม่สวยอยู่ที่ศรัทธาความชอบว่าท่านต้องการพระแบบไหน พระแท้ดูง่ายธรรมชาติความเก่า ย่นยุบแยก พระสวยกระด้างขาดธรรมชาติความเก่าดูไม่ซึ้งตาฯ
พระสมเด็จวัดระฆังที่ดูคล้ายเนื้อหินอ่อนมีมวลสารหลักคือหอยเบี้ย ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ได้มีการนำหอยเบี้ยมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้า กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงเห็นว่า หอยเบี้ยเป็นสัตว์ วิธีการได้มานั้นเป็นการทำบาป จึงรับสั่งให้พระยาคลังสั่งทำแบบเหรียญโลหะตัวอย่างจากประเทศอังกฤษเพื่อนำมาใช้แทนหอยเบี้ย เรียกว่า “เหรียญเมืองไท” มี 2 แบบ คือ หน้าเหรียญเป็นรูปดอกบัวและรูปช้าง แต่ทรงไม่โปรดจึงไม่ได้สั่งผลิตออกมาใช้ และทรงรับสั่งให้ผลิตขึ้นใหม่ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน
จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการทำสนธิสัญญาการค้ากับต่างประเทศและมีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก เงินพดด้วงมีจำนวนไม่เพียงพอ รวมทั้งมีการปลอมขึ้นมามาก หอยเบี้ยจึงกลายเป็นเงินปลีกย่อยที่มีราคาน้อยสุดหรือแทบไม่มีราคาเลย ประกอบกับในขณะนั้นได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญโลหะมาจากประเทศอังกฤษและเริ่มมีการผลิตเหรียญ การใช้หอยเบี้ยจึงค่อยๆ ลดลงไปจากสังคม และหายไปจากระบบเงินตรานับแต่นั้นเป็นต้นมา
เปลือกหอยแต่ละชนิดมีคุณวิเศษทางด้านยา ในตำราแพทย์แผนไทยมีการนำเปลือกหอยมาใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยา โดยกล่าวถึง "พิกัดเนาวหอย" คือ การจำกัดจำนวนหอย ๙ อย่าง ได้แก่ หอยขม หอยนางรม หอยจุ๊บแจง หอยสังข์ หอยแครง หอยกาบ หอยมุก หอยตาวัว หอยพิมพการัง ซึ่งมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว บำรุงกระดูก แก้โรคกระษัย ไตพิการ กัดเมือกมันในลำไส้ ส่วนการนำมาใช้ปรุงยา มีทั้งขนานยาที่ใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่าง หรือใช้เพียงบางอย่าง เช่น ตำรับยาชื่อว่า "เนาวหอย" จะใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่างเป็นส่วนผสม บางอย่างใช้เปลือกหอยสังข์หนามเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนผสม เช่น ยาสังขสมุทัย นอกจากนี้ในตำรับยาหลายขนานยังใช้เปลือกหอยเบี้ย ได้แก่ เบี้ยผู้ เบี้ยจั่น เบี้ยแก้ มาใช้ในการปรุงยาด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับหอยเบี้ยมากมาย โดยเฉพาะความเชื่อของคนโบราณ ซึ่งมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับหอยเบี้ยที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปอย่างมากมาย
ในบรรดาวัตถุมงคลต่างๆ มีเครื่องรางของขลังอยู่ชนิดหนึ่งที่สร้างมาเพื่อแก้คุณไสย์โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเบี้ยแก้ ก็ทำความรู้จักไว้เสียก่อน เบี้ยแก้ทำมาจากหอยเบี้ยโดยหอยเบี้ยถือเป็นเงินตราในสมัยโบราณ ซึ่งก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหอยเบี้ยในโบราณทั้ง 8 ชนิดกันก่อน 1. เบี้ยโพล้ง 2. เบี้ยแก้ 3. เบี้ยจั่น 4. เบี้ยนาง 5. เบี้ยหมู 6. เบี้ยพองลม 7. เบี้ยบัว 8. เบี้ยตุ้ม
เปลือกหอยของหอยเบี้ยชนิดนี้ มีความสำคัญต่อมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนเงินตราในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าคำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทยก็เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "รูปี" ซึ่งเป็นหน่วยเงินตราของอินเดียมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังใช้เป็นเครื่องรางของขลังในวัฒนธรรมไทย โดยมักนำไปบรรจุปรอทแล้วปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า ถ้าพกเปลือกหอยเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางสัญจรในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกันและแก้ไขอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ และสุดท้ายความเชื่อที่ว่าคนโบราณนิยมผูกตัวเบี้ยไว้ที่ข้อมือเด็ก ด้วยเชื่อว่าเบี้ยจะสามารถป้องกันภูตผีปีศาจได้นั่นเอง หรือนำไปตกแต่งพลอยเรียกว่า "ภควจั่น" ในเด็ก ๆ เชื่อว่าช่วยป้องกันฟันผุ หรือพกใส่กระเป๋าสตางค์ เชื่อว่าทำให้เงินทองไหลเทมาและโชคดี “ภควจั่น” นี้แยกออกเป็นสองคำคือ ภคว เป็นคำย่อของ ภควดี อันเป็นสมญานามของ พระลักษมี และจั่น เป็นคำสามัญหมายถึง เบี้ยจั่น อันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมี ซึ่งเป็นเครื่องรางในสมัยอยุธยาที่นำเอาเบี้ยจั่นมาหุ้มด้วยทองแล้วประดับพลอย
หอยเบี้ยจักจั่น หรือ หอยเบี้ยจั่น (อังกฤษ: Money cowry) เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria moneta เป็นภาษาลาตินแปลว่า "เงินตรา" ปัจจุบัน เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังนิยมสะสมกันเป็นของประดับและของสะสมกันอีกด้วย โดยมีชนิดที่แปลกแตกต่างไปจากปกติ คือ "ไนเจอร์" (Niger) ที่หอยจะสร้างเมลานินสีดำเคลือบเปลือกไว้จนกลายเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลคล้ำทั้งหมด และชนิดที่มีราคาสูงที่สุด เรียกว่า "โรสเตรท" (Rostrat) หรือ หอยเบี้ยจักจั่นงวง คือ เป็นหอยเบี้ยจักจั่นในตัวที่ส่วนท้ายของเปลือกมิได้กลมมนเหมือนเช่นปกติ แต่สร้างแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาหลายปี จนกระทั่งยาวยืดออกมาและม้วนขึ้นเป็นวงอย่างสวยงามเหมือนงวงช้าง ซึ่งหอยในรูปแบบนี้จะพบได้เฉพาะแถบอ่าวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะนิวแคลิโดเนียที่เดียวในโลกเท่านั้น มีการประเมินราคาของเปลือกหอยลักษณะนี้ไว้ถึง 25 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาของเปลือกหอยที่มีค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ด้วยเหตุที่หอยเบี้ยถูกเลิกใช้แทนเงินตราแล้ว ด้วยคุณสมบัติทางยาความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลัง มีเบี้ยติดตัวมีกินมีใช้ไม่อด เงินไหลมา เพื่อไม่ให้เบี้ยทั้งหมดถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า หลวงปู่โตจึงน้ำหอยเบี้ยมาบดผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ขึ้นมา เมื่อนำพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้มากระทบกันเสียงจะดังใสกว่าเนื้อพระสมเด็จเนื้ออื่น ผิวมันวาวแบบเดียวกับหอยเบี้ย
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหอยเบี้ยยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
#พระแท้มีพลัง
ผู้เข้าชม
11047 ครั้ง
ราคา
55,000 บาท
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
เธียร
ชื่อร้าน
พระแท้มีพลัง
ร้านค้า
amuletpower.99wat.com
โทรศัพท์
0923395410
ไอดีไลน์
mamabuddho
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารกรุงเทพ / 189-4-08737-6
2. ธนาคารกรุงไทย / 690-0-73228-3
พระกริ่งหนองแส วัดสุทัศน์
พระนางพญาเข่าโค้งเนื้อดำหายาก
พระกริ่งปวเรศยุคต้น2380 จารอัก
พระกริ่งปวเรศยุคต้น พิมพ์หน้าธ
เหรียญหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม อ
พระกำแพงซุ้มกอ เมืองกำแพงเพชร
พระกริ่งใหญ่วัดสุทัศน์มีก้านช่
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์หลังร่อ
พระกริ่งปวเรศยุคต้น หลวงปู่โต
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
Achi
ชาวานิช
tumlawyer
Muthita
พีพีพระสมเด็จ
เทพจิระ
พีพีพระเครื่อง
โกหมู
อ้วนโนนสูง
ภูมิ IR
NongBoss
ยุ้ย พลานุภาพ
หริด์ เก้าแสน
poosit555
ว.ศิลป์สยาม
เจริญสุข
tintin
sailom.si
Leksoi8
เนินพระ99
jazzsiam amulet
Puthon161930
จิ๊บพุทธะมงคล
aonsamui
เสน่ห์พระเครื่อง
someman
Lungchad
kumpha
แมวดำ99
sun99
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1330 คน
เพิ่มข้อมูล
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่เนื้อหินอ่อน ยุคต้น
รายละเอียด
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยเนื้อนี้เป็นพระสมเด็จยุคต้น เนื้อพระสมเด็จแกร่งดังหินอ่อนยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
ถ้าท่านชอบพระสมเด็จแท้ๆไม่สนใจเรื่องพิมพ์ทรงต้องสวยๆที่มีมูลค่าหลักหลายล้านบาทแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหินอ่อนหอยเบี้ยแบบมีไว้พิจารณาบูชาติดตัวหวังพลังพุทธคุณมากว่าแล้ว พระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้น่าสนใจมาก และลองอ่านข้อมูลข้างล่างเกี่ยวกับหอยเบี้ยดีอย่างไร
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ยุคต้นเนื้อหินอ่อน พระสมเด็จยุคนี้เนื้อพระส่วนใหญ่จะเป็นแบบหินอ่อนมีความแกร่งแต่หนึกนุ่ม ขอบมนสัมผัสมันนุ่มมือ คราบสีน้ำตาลหรือคราบสนิมกระป๋อง(แร่ศักดิ์สิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล)ที่ไม่ใช่คราบตังอิ๊วเนื่องจากพระสมเด็จยุคต้นยังไม่ได้นำตังอิ๊วมาเป็นตัวประสานเนื้อพระ ความเก่าเป็นธรรมชาติของพระสมเด็จยุคต้นทำให้เนื้อพระดูแบบเนื้อหินอ่อนและยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ ส่วนใหญ่พระสมเด็จยุคปลายจะมีการทำปลอมแปลงกันมากโดยการกำหนดพิมพ์และตำหนิที่พุทธพาณิชย์เขากำหนดไว้ และเป็นพระพิมพ์ที่ได้ราคามากในการเช่าซื้อ แต่พระสมเด็จวัดระฆังยุคนี้พิมพ์ทรงจะไม่ค่อยเหมือนกันและไม่สวยงามนัก พิมพ์ทรงหลวงสิทธิ์ฯ พิมพ์ทรงช่างสิบหมู่ ช่างชาวบ้าน พระสมเด็จยุคต้นเป็นพระแท้ดูง่ายกว่าพระสมเด็จยุคปลายที่ส่วนใหญ่ไปเน้นพิมพ์ทรงตามเซียนและเกิดมีการปลอมแปลงทำพระสมเด็จตามตำหนิที่เซียนว่าไว้ ก็ยังมีข่าวว่าบิ๊กเซียนสร้างพระสมเด็จเกศไชโยขึ้นจำหน่ายให้เสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ พระสมเด็จจะสวยไม่สวยอยู่ที่ศรัทธาความชอบว่าท่านต้องการพระแบบไหน พระแท้ดูง่ายธรรมชาติความเก่า ย่นยุบแยก พระสวยกระด้างขาดธรรมชาติความเก่าดูไม่ซึ้งตาฯ
พระสมเด็จวัดระฆังที่ดูคล้ายเนื้อหินอ่อนมีมวลสารหลักคือหอยเบี้ย ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงต้นรัตนโกสินทร์ ได้มีการนำหอยเบี้ยมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้า กระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงเห็นว่า หอยเบี้ยเป็นสัตว์ วิธีการได้มานั้นเป็นการทำบาป จึงรับสั่งให้พระยาคลังสั่งทำแบบเหรียญโลหะตัวอย่างจากประเทศอังกฤษเพื่อนำมาใช้แทนหอยเบี้ย เรียกว่า “เหรียญเมืองไท” มี 2 แบบ คือ หน้าเหรียญเป็นรูปดอกบัวและรูปช้าง แต่ทรงไม่โปรดจึงไม่ได้สั่งผลิตออกมาใช้ และทรงรับสั่งให้ผลิตขึ้นใหม่ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน
จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการทำสนธิสัญญาการค้ากับต่างประเทศและมีความต้องการใช้เงินจำนวนมาก เงินพดด้วงมีจำนวนไม่เพียงพอ รวมทั้งมีการปลอมขึ้นมามาก หอยเบี้ยจึงกลายเป็นเงินปลีกย่อยที่มีราคาน้อยสุดหรือแทบไม่มีราคาเลย ประกอบกับในขณะนั้นได้รับเครื่องจักรผลิตเหรียญโลหะมาจากประเทศอังกฤษและเริ่มมีการผลิตเหรียญ การใช้หอยเบี้ยจึงค่อยๆ ลดลงไปจากสังคม และหายไปจากระบบเงินตรานับแต่นั้นเป็นต้นมา
เปลือกหอยแต่ละชนิดมีคุณวิเศษทางด้านยา ในตำราแพทย์แผนไทยมีการนำเปลือกหอยมาใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยา โดยกล่าวถึง "พิกัดเนาวหอย" คือ การจำกัดจำนวนหอย ๙ อย่าง ได้แก่ หอยขม หอยนางรม หอยจุ๊บแจง หอยสังข์ หอยแครง หอยกาบ หอยมุก หอยตาวัว หอยพิมพการัง ซึ่งมีสรรพคุณขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว บำรุงกระดูก แก้โรคกระษัย ไตพิการ กัดเมือกมันในลำไส้ ส่วนการนำมาใช้ปรุงยา มีทั้งขนานยาที่ใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่าง หรือใช้เพียงบางอย่าง เช่น ตำรับยาชื่อว่า "เนาวหอย" จะใช้เปลือกหอยทั้ง ๙ อย่างเป็นส่วนผสม บางอย่างใช้เปลือกหอยสังข์หนามเพียงอย่างเดียวเป็นส่วนผสม เช่น ยาสังขสมุทัย นอกจากนี้ในตำรับยาหลายขนานยังใช้เปลือกหอยเบี้ย ได้แก่ เบี้ยผู้ เบี้ยจั่น เบี้ยแก้ มาใช้ในการปรุงยาด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อเกี่ยวกับหอยเบี้ยมากมาย โดยเฉพาะความเชื่อของคนโบราณ ซึ่งมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับหอยเบี้ยที่ค่อนข้างแตกต่างกันไปอย่างมากมาย
ในบรรดาวัตถุมงคลต่างๆ มีเครื่องรางของขลังอยู่ชนิดหนึ่งที่สร้างมาเพื่อแก้คุณไสย์โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเบี้ยแก้ ก็ทำความรู้จักไว้เสียก่อน เบี้ยแก้ทำมาจากหอยเบี้ยโดยหอยเบี้ยถือเป็นเงินตราในสมัยโบราณ ซึ่งก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหอยเบี้ยในโบราณทั้ง 8 ชนิดกันก่อน 1. เบี้ยโพล้ง 2. เบี้ยแก้ 3. เบี้ยจั่น 4. เบี้ยนาง 5. เบี้ยหมู 6. เบี้ยพองลม 7. เบี้ยบัว 8. เบี้ยตุ้ม
เปลือกหอยของหอยเบี้ยชนิดนี้ มีความสำคัญต่อมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของแทนเงินตราในปัจจุบัน สันนิษฐานว่าคำว่า "เบี้ย" ในภาษาไทยก็เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "รูปี" ซึ่งเป็นหน่วยเงินตราของอินเดียมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
นอกจากนี้แล้ว เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังใช้เป็นเครื่องรางของขลังในวัฒนธรรมไทย โดยมักนำไปบรรจุปรอทแล้วปิดทับด้วยชันโรงใต้ดิน อาจจะมีแผ่นทองแดงลงอักขระยันต์หรือไม่ก็ได้ เชื่อกันว่า ถ้าพกเปลือกหอยเบี้ยชนิดนี้ไว้กับตัวเวลาเดินทางสัญจรในป่า จะช่วยป้องกันไข้ป่า รวมถึงป้องกันและแก้ไขอันตรายจากร้ายให้กลายเป็นดีได้ และสุดท้ายความเชื่อที่ว่าคนโบราณนิยมผูกตัวเบี้ยไว้ที่ข้อมือเด็ก ด้วยเชื่อว่าเบี้ยจะสามารถป้องกันภูตผีปีศาจได้นั่นเอง หรือนำไปตกแต่งพลอยเรียกว่า "ภควจั่น" ในเด็ก ๆ เชื่อว่าช่วยป้องกันฟันผุ หรือพกใส่กระเป๋าสตางค์ เชื่อว่าทำให้เงินทองไหลเทมาและโชคดี “ภควจั่น” นี้แยกออกเป็นสองคำคือ ภคว เป็นคำย่อของ ภควดี อันเป็นสมญานามของ พระลักษมี และจั่น เป็นคำสามัญหมายถึง เบี้ยจั่น อันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมี ซึ่งเป็นเครื่องรางในสมัยอยุธยาที่นำเอาเบี้ยจั่นมาหุ้มด้วยทองแล้วประดับพลอย
หอยเบี้ยจักจั่น หรือ หอยเบี้ยจั่น (อังกฤษ: Money cowry) เป็นหอยทะเลฝาเดียวชนิด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Monetaria moneta เป็นภาษาลาตินแปลว่า "เงินตรา" ปัจจุบัน เปลือกหอยเบี้ยจักจั่นยังนิยมสะสมกันเป็นของประดับและของสะสมกันอีกด้วย โดยมีชนิดที่แปลกแตกต่างไปจากปกติ คือ "ไนเจอร์" (Niger) ที่หอยจะสร้างเมลานินสีดำเคลือบเปลือกไว้จนกลายเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลคล้ำทั้งหมด และชนิดที่มีราคาสูงที่สุด เรียกว่า "โรสเตรท" (Rostrat) หรือ หอยเบี้ยจักจั่นงวง คือ เป็นหอยเบี้ยจักจั่นในตัวที่ส่วนท้ายของเปลือกมิได้กลมมนเหมือนเช่นปกติ แต่สร้างแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาหลายปี จนกระทั่งยาวยืดออกมาและม้วนขึ้นเป็นวงอย่างสวยงามเหมือนงวงช้าง ซึ่งหอยในรูปแบบนี้จะพบได้เฉพาะแถบอ่าวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะนิวแคลิโดเนียที่เดียวในโลกเท่านั้น มีการประเมินราคาของเปลือกหอยลักษณะนี้ไว้ถึง 25 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นราคาของเปลือกหอยที่มีค่าสูงที่สุดในโลกอีกด้วย
ด้วยเหตุที่หอยเบี้ยถูกเลิกใช้แทนเงินตราแล้ว ด้วยคุณสมบัติทางยาความเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลัง มีเบี้ยติดตัวมีกินมีใช้ไม่อด เงินไหลมา เพื่อไม่ให้เบี้ยทั้งหมดถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า หลวงปู่โตจึงน้ำหอยเบี้ยมาบดผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ขึ้นมา เมื่อนำพระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้มากระทบกันเสียงจะดังใสกว่าเนื้อพระสมเด็จเนื้ออื่น ผิวมันวาวแบบเดียวกับหอยเบี้ย
พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อหอยเบี้ยยากต่อการทำเทียมเลียนแบบ
#พระแท้มีพลัง
ราคาปัจจุบัน
55,000 บาท
จำนวนผู้เข้าชม
11048 ครั้ง
สถานะ
เปิดให้บูชา
โดย
เธียร
ชื่อร้าน
พระแท้มีพลัง
URL
http://www.amuletpower.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0923395410
ID LINE
mamabuddho
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
3. ธนาคารกรุงเทพ / 189-4-08737-6
4. ธนาคารกรุงไทย / 690-0-73228-3
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี